AirTag เครื่องช่วยคนขี้ลืม มารู้จักสิ่งนี้ให้มากขึ้นกันเถอะ
Apple เปิดตัว AirTag อุปกรณ์ทรงกลมขนาดจิ๋วใหม่เอี่ยมอ่อง ที่ไส้ในเต็มไปด้วยเทคโนโลยีฉลาดๆ เชื่อมกับ iPhone ด้วยบลูทูธ และแอป Find My (ชื่อภาษาไทย “ค้นหาของฉัน”) ใครที่เห็นหน้าตาไปแล้วในงานเปิดตัวและอยากจะหาซื้อมาใช้ ก่อนซื้อเรามารู้หน้าที่ต่างๆ ของอุปกรณ์ชิ้นนี้กันหน่อยดีกว่าครับ
ดีไซน์
วัสดุที่ใช้ทำจากสแตนเลสตีลขัดเงา มีคุณสมบัติกันน้ำและกันฝุ่นในมาตรฐาน IP67 (ลงน้ำลึกได้ไม่เกิน 1 เมตร ในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที)
อุปกรณ์ยังมีลำโพงในตัว คอยส่งเสียงแจ้งเตือนเพื่อแจ้งตำแหน่งให้เรารู้ว่าสิ่งของที่เราติด AirTag ไว้อยู่ที่ใด
ที่ครอบแบบถอดได้สำหรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่ง Apple ให้ข้อมูลว่าแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งาน 1 ปี และสามารถหาเปลี่ยนได้ทั่วไป หรือจะซื้อกับ Apple ก็ได้นะ (ขายของไปอี๊กก !)
การเชื่อมต่อ
ขั้นแรกอย่าลือเปิดบลูทูธของ iPhone และแค่นำ AirTag มาอยู่ใกล้ๆ กับ iPhone ระบบก็ทำการเชื่อมต่ออัตโนมัติ หลักการเหมือนกับการเชื่อมต่อกับหูฟัง AirPods นั่นเอง
ทันทีที่เชื่อมต่อกัน เราสามารถตั้งชื่อได้ โดยอาจจะเป็นชื่อที่บ่งบอกถึงสิ่งของที่นำ AirTag ไปติด เช่น กุญแจรถ, กุญแจบ้าน, กระเป๋าเดินทาง ฯลฯ
เมื่อทำการเชื่อมต่อและตั้งชื่อเสร็จแล้ว ใน Find My (แอปค้นหาของฉัน) จะแสดงชื่อสิ่งของนั้นๆ พร้อมกับบอกตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งนั้นๆ ในแผนที่ได้
ส่วนถ้าเกิดเราหาของไม่เจอ แต่ยังอยู่ในระยะของบลูทูธก็สามารถกดสั่งงานจากในแอป Find My ให้ AirTag ส่งเสียงให้เรารู้ตำแหน่งได้ หรือหากใครอยากสั่งงานผ่าน Siri ก็ได้เช่นกัน
นอกระยะบลูทูธ
หากเกิดกรณีสิ่งของที่เราผูกติดกับ AirTag ลืมไว้ที่ใดที่หนึ่ง จนทำให้อยู่นอกระยะของบลูทูธ เครือข่ายของแอป Find My ยังช่วยติดตามได้ โดยอาศัยอุปกรณ์ของ Apple ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบเพื่อตรวจจับสัญญาบลูทูธจาก AirTag ที่หายไป แล้วส่งต่อตำแหน่งที่ตั้งนั้นกลับมาให้เรา
หรือที่กรณีที่เราทำ AirTag หาย เราก็ยังสามารถตั้งค่าให้เข้าสู่โหมดสูญหายได้ เครือข่ายของแอป Find My สามารถช่วยติดตามได้โดยจะมีการแจ้งเตือนให้เรารู้ได้เมื่อหา AirTag ของเราเจอ
เป็นส่วนตัว
AirTag จะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลและประวัติตำแหน่งที่ตั้งไว้กับอุปกรณ์ และการใช้งานผ่านแอป Find My ยังได้รับการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง มีแค่เจ้าของ AirTag เท่านั้นที่สามารถดูตำแหน่งได้ และจะไม่มีใครรู้ตัวตนหรือตำแหน่งของอุปกรณ์ได้นอกจากตัวเจ้าของเองเท่านั้น !
นอกจากนี้สัญญาณบลูทูธที่ส่งออกมาเป็นระยะๆ จะมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนความถี่เพื่อป้องกันการติดตามตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
ขณะเดียวกันอุปกรณ์ iOS ยังสามารถตรวจจับและแจ้งเตือน AirTag ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของและเคลื่อนย้ายไปตามที่ต่างๆ พร้อมกับเรา
และถึงแม้ว่าผู้ใช้จะไม่มีอุปกรณ์ iOS แต่หาก AirTag แยกกับเจ้าของเป็นเวลานาน ก็จะมีการส่งเสียงเมื่อมีการเคลื่อนไหว และหากผู้ใช้พบ AirTag ที่ไม่รู้จักก็สามารถใช้ iPhone หรือสมาร์ทโฟนที่มี NFC แตะที่ AirTag นั้น แล้วทำตามขั้นตอนเพื่อปิดการทำงานของ AirTag ที่ไม่รู้จักได้ทันที
แม่นยำในการหาตำแหน่งจริง
AirTag มาพร้อมชิป U1 ที่พัฒนาโดย Apple และใช้เทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ (UWB) ซึ่ง Apple เคยใช้มาก่อนแล้วตั้งแต่ iPhone 11 ช่วยบอกระยะห่างและทิศทางไปหา AirTag ได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ AirTag จะใช้ข้อมูลจากกล้อง ARKit, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและ Gyroscope บน iPhone พาเราไปยังตำแหน่ง AirTag โดยจะแสดงทั้งภาพ,เสียง และระบบการสั่นเป็นตัวบอกทาง
บ่งบอกความเป็นตัวเองได้
ก่อนที่เราจะกดยืนยันการสั่งซื้อ AirTag ทาง Apple Store Online ทาง Apple ให้เราสามารถสลักชื่อ, รูป, อิโมจิ ที่ตัว AirTag ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ราคาไทย
AirTag เปิดราคาไทย ชิ้นละ 990 บาท และมีแบบแพ็ค 4 ชิ้น ราคา 3,390 บาท
เหมาะกับใคร
AirTag เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะอย่างยิ่งกับใครก็ตามที่มักหลงลืมสิ่งของใกล้ตัว อาทิ กุญแจบ้าน กุญแจรถ กระเป๋าสตางค์ ฯลฯ หรือผู้ที่ชอบเดินทางและมีกระเป๋าหลายใบก็เหมาะเช่นกัน
ภาพจาก Apple