iPhone 2020 5G มาแน่ แล้วสเปก ดีไซน์ จะปรับเปลี่ยนจากรุ่นก่อนอย่างไร มาดูกัน
นับตั้งแต่ Steve Jobs เปิดตัว iPhone รุ่นแรก เมื่อ 9 มกราคม ปี 2007 จากวันนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนโฉมของวงการโทรศัพท์มือถือไปเกินว่าที่เราคาดคิด ตลอด 13 ปีของ iPhone จนถึงปัจจุบัน (10 มกราคม 2020) Apple เปิดตัว iPhone มาแล้วทั้งหมด 24 รุ่น และ iPhone 2020 ที่กำลังจะมาถึงในปลายปีนี้ จากข้อมูลที่สื่อต่างประเทศหลายเจ้าวิเคราะห์และคาดการณ์ ทำให้ผมค่อนข้างสนใจการเปลี่ยนแปลงของ iPhone รุ่นใหม่ ที่ทำให้หลายคนอาจต้องเสียเงินอีกครั้ง
ภาพจาก Apple
ยึด “User Experience” เป็นสำคัญ
ถึงหน้าตา iPhone ช่วงหลังๆ จะขัดหูขัดตาหลายคนไปบ้าง แต่ความเรียบง่าย พรีเมียม หรูหรา และให้ความสำคัญกับ “User Experience” (ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้) ยังเป็นสิ่งที่ Apple ยึดถือเป็นปรัชญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่การพยายามปรับสเปกให้สูงเพื่อแข่งกับคู่แข่งแต่อย่างใด
ครบ 3 ปีดีไซน์เดิม สู่ดีไซน์ใหม่
หลายท่านอาจไม่รู้ว่า นโยบายของ Apple ในการออกแบบ iPhone จะปรับดีไซน์ทุก 3 ปี ซึ่งตั้งแต่ iPhone X, iPhone XS และ iPhone 11 มีปรับดีไซน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เห็นชัดที่สุดก็คือ กล้องหลัง ดังนั้นในปีนี้เราจะเห็น iPhone รุ่นใหม่ในดีไซน์ที่แตกต่างออกไป
หนึ่งในข่าวลือด้านการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ที่ถูกพูดถึงอย่างมากตามสื่อออนไลน์ต่างประเทศ เห็นจะเป็นการหวนไปใช้ดีไซน์คล้าย iPhone 4 กรอบทั้งสี่ด้านมีลักษณะเหลี่ยม และวัสดุเป็นสแตนเลสสตีล
อ่านมาถึงตรงนี้ ผมขอบอกเลยครับว่าดีไซน์คล้ายกับที่บอกไปเมื่อสักครู่ Apple นำมาใช้กับ iPad Pro 2018 แล้วครับ ดังนั้นคุณผู้อ่านลองจิตนาการกันเล่นๆ ก็ได้ครับว่า ถ้าเป็น iPhone 2020 บ้าง หน้าตาจะเป็นอย่างไร
รอยบากหน้าจอยังคงอยู่ แต่จะเล็กลง
ผมยังคงมีความสงสัยพอสมควรครับว่า ไหนๆ Apple ก็พัฒนา iPad Pro ให้หน้าจอไม่ต้องมีรอยบาก แถมใส่ FaceID ลงไปได้ ทำไมถึงนำไม่นำไปใช้กับ iPhone สักที ซึ่งลึกๆ ผมเองก็หวังเห็น iPhone ในปีนี้มีหน้าจอที่ไร้รอยบาก
อย่างไรก็ตามสื่อต่างประเทศกลับมองว่า iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้ รอยบากหน้าจอยังอยู่ แต่จะเล็กลง โดยกล้อง TrueDepth และเซ็นเซอร์ต่างๆ จะยังอยู่ครบทั้งหมด พร้อมประสิทธิภาพการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น
บอกลาพอร์ต “Lightning”
เมื่อครั้ง Apple เปิดตัว iPhone 7 / 7 Plus การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดรอบนั้น คือ การตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไป ซึ่งแน่นอนครับว่ามีทั้งเสียงชื่นชมในความ “กล้า” ที่จะเปลี่ยนแปลงของ Apple และเสียงที่ไม่เห็นด้วย และความกล้านี่เองครับทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราได้เห็นสมาร์ทโฟนอีกนับไม่ถ้วนตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไปเช่นเดียวกัน
มาถึงพอร์ต “Lightning” ที่มีอายุนานถึง 8 ปีเข้าไปแล้ว ผมเองก็รู้สึกว่า Apple คงมีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงพอร์ตนี้เช่นกัน ส่วนตัวเลือกที่จะมาแทนที่ ผมมองไว้สองอย่างครับ เช่น USB-C ที่ถูกนำมาใช้แล้วกับ iPad Pro ทั้งรุ่น 11 นิ้ว / 12.9 นิ้ว กับอีกทางเลือก คือ MagSafe
อย่าหวังที่จะเห็นกล้องความละเอียดสูง
ถึง iPhone 11 Pro กับ iPhone 11 Pro Max มีถึง 3 กล้อง ถ่าย Ultra Wide ได้ และมี Night mode ความละเอียดของ iPhone รุ่นนี้ยังมีเพียง 12 ล้านพิกเซลเท่านั้น ซึ่งหันไปดูมือถือเจ้าอื่นๆ ก็เรียกว่าความละเอียดสูงกว่า Apple ซะอีก แต่อย่างที่บอกไปในข้อแรกครับ การพยายามปรับสเปกให้สูงเพื่อแข่งกับคู่แข่งไม่ใช่ปรัชญาของ Apple
ดังนั้น iPhone รุ่นใหม่ปีนี้ ผมยังเชื่อว่าความละเอียดน่าจะยังอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล เน้นจะเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านฮาร์ดแวร์ เช่น เพิ่มชิ้นเลนส์พิเศษ, ใช้เซ็นเซอร์แบบใหม่ ปรับปรุงคุณภาพต่างๆ เป็นต้นครับ หากจะเพิ่มความละเอียด ผมก็ยังมองว่าเต็มที่น่าอยู่ราวๆ 16 ล้านพิกเซล ส่วนจะมี 4 กล้องหรือเปล่านั้น ผมว่าแค่สามกล้องก็เวิร์คแล้วนะ
ส่วนกล้องหน้า TrueDepth เชื่อว่ายังยึดที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เน้นพัฒนาโหมดภาพถ่ายบุคคล และ HDR ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ใครที่ไม่ชอบกล้องหน้า iPhone มีแอพตัวช่วยมากมายให้โหลดมาใช้ครับ ^^
iPhone 2020 5G
เป็นที่พูดถึงอย่างมากสำหรับ 5G แม้ iPhone จะถูกมองว่าตามหลังคู่แข่งหลายเจ้าที่ออกมือถือที่รองรับ 5G มาก่อนแล้ว แต่ต้องไม่ลืมครับว่าความพร้อมในการให้บริการสัญญาณ 5G ของบรรดาโอเปอเรอเตอร์แต่ละประเทศทั่วโลกจะขยายตัวครอบคลุมตามเมืองต่างๆ ในปี 2020 หลังจากที่มีการทดสอบตั้งแต่ 1-2 ปีที่ผ่านมา
ส่วนประเทศไทยโร้ดแมปของทาง กสทช. ระบุการประมูล 5G จะเริ่มต้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และจะเปิดให้บริการ 5G ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน นั่นแปลว่าหาก iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้มี 5G พ่วงมาด้วย ก็นับเป็นเวลาที่ลงตัว พร้อมใช้งาน 5G ทันทีครับ
กันยายน ฤกษ์ดีสำหรับเปิดตัว
หากไม่เกิดเหตุสุดวิสัยใดๆ Apple ก็ยังจะยึดเดือนกันยายนเป็นช่วงเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่เหมือนเช่นทุกปีครับ แต่จะเปิดตัวรวดเดียว 5 รุ่นตามข่าวลือเลยหรือเปล่า ต้องลุ้นกันครับ
