realme แถลงผลการดำเนินงานปี 64 พร้อมแผนเปิดตัวสมาร์ตโฟน 5G มากกว่า 30 รุ่น ในปี 65
realme แถลงผลการดำเนินงานปี 64 เผยทิศทางธุรกิจและนวัตกรรมใหม่สุดพรีเมียม เตรียมเขย่าวงการไอทีไทยปี 65 เน้นพัฒนาเรือธง GT series ตั้งเป้าเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 3 ของไทย พร้อมนำเสนออุปกรณ์ 5G และ AIoT ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
realme แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำรอบเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อเป็นการขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนเผยแพร่ข่าวสารของแบรนด์ด้วยดีมาโดยตลอด ภายในงาน ผู้บริหารยังได้แถลงผลการดำเนินงานปี 2564 ที่ realme ประสบความสำเร็จในการส่งมอบสมาร์ตโฟนครบ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกตามไทม์ไลน์ พร้อมกับก้าวขึ้นสู่แบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกได้สำเร็จ สำหรับตลาดเมืองไทย realme เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 5 ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมวางกลยุทธ์ธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เน้นลงทุนพัฒนาสมาร์ตโฟนระดับเรือธงตระกูล GT series เพื่อนำเสนอสมาร์ตโฟนพรีเมียมล้ำสมัยสำหรับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ตั้งเป้าขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 3 ของไทยในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ realme จะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระบบ 5G และ AIoT เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่กำลังก้าวสู่ Smart Life ได้อย่างคุ้มค่า
นายศิรศร เบญจาธิกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ เรียลมี ประเทศไทย กล่าวว่า “realme ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารของแบรนด์ด้วยดีเสมอมา และในโอกาสนี้เรามีความยินดีที่จะประกาศว่าปี 2564 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับ realme เพราะเราสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกได้เป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้งบริษัทฯ ได้เพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น”
“ความสำเร็จที่ผ่านมาของ realme เกิดจากการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ 4 ด้าน ได้แก่ 1) แนวคิดพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับค่านิยมของหนุ่มสาวที่ต้องการสมาร์ตโฟนล้ำสมัยและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ 2) การส่งมอบสมาร์ตโฟนที่มีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบชาร์จ UltraDart 125W การใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 เป็นเจ้าแรก ๆ รวมถึงเทคโนโลยีกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ฯลฯ ในระดับราคาที่จับต้องได้ 3) ช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ซึ่ง realme ยังคงพัฒนาช่องทางการตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น และ 4) พันธกิจ Dare to Leap ซึ่งเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน โดยพนักงานบริษัทมีอายุเฉลี่ยเพียง 29 ปี ทำให้บริษัทมีไอเดียการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่อยู่เสมอ”
ความสำเร็จของ realme ทั่วโลกในปี 2564
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ realme ขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ส่งมอบสมาร์ตโฟนได้ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกได้เร็วที่สุดในโลก จากข้อมูลสถิติของ Strategy Analytics โดยส่งมอบได้ภายในเวลาเพียง 37 เดือนเท่านั้น นับเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนโลก
ความสำเร็จนี้ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ของปี 2564 ทำให้ realme ขยับขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกได้เป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้งแบรนด์มาเพียง 3 ปี จากการจัดอันดับของ Counterpoint ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์การเติบโตแบบก้าวกระโดด สู่การเป็นหนึ่งในแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนได้อย่างรวดเร็วที่สุดของโลก
ก้าวสู่แบรนด์ Top5 แม้เศรษฐกิจไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ผันผวน
สำหรับตลาดสมาร์ตโฟนของไทย รายงานการจัดอันดับของ Canalys ระบุว่าในไตรมาส 3 ของปี 2564 แบรนด์ realme ติดอันดับ 1 ใน 5 แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำในตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของผู้บริโภคที่แม้เมืองไทยจะกำลังเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มาตลอด 2 ปี แต่ผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงในระดับราคาที่คุ้มค่าของ realme สามารถครองใจผู้บริโภคและคว้าตำแหน่งแบรนด์ Top5 ได้สำเร็จ
กลยุทธ์ธุรกิจปี 2565 สู่แบรนด์สมาร์ตโฟนเจ้าตลาดในไทย
สำหรับในปีหน้า realme วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลากหลายกลุ่ม และจะนำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีมากมายเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดไอที โดยจะพัฒนาให้สินค้ามีราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดต่าง ๆ ได้สบายกระเป๋ามากยิ่งขึ้น
ปี 2564 ที่ผ่านมา realme มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการทำตลาดสมาร์ตโฟนในระดับพรีเมียมได้ดีมาก และยังเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเปิดตัวสมาร์ตโฟนตระกูล GT series ครบทุกรุ่น หลังจากนี้ realme จะนำสมาร์ตโฟนสุดพรีเมียมในตระกูล GT Series นั่นคือ GT 2 series มาทำตลาดในไทย ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียมที่สุดของ realme พร้อมชูไฮไลต์ 3 เทคโนโลยีสุดล้ำเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมการถ่ายภาพ และเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสุด
ผลิตภัณฑ์ 5G และ AIoT เพื่อชีวิตยุคดิจิทัล
สืบเนื่องจากความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ในปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้ง realme Pad แท็บเล็ตรุ่นแรกของแบรนด์ที่ตีตลาดด้วยสเปกสุดคุ้ม, realme Book แล็ปท็อปรุ่นแรกของแบรนด์ และอุปกรณ์ AIoT อีกมากมายโดยแบรนด์ realme สามารถติดอันดับ 3 ในสินค้าประเภท Basic watch และประเภท TWS ของเมืองไทยได้สำเร็จ ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 1,091% และ 188% ตามลำดับ
ในอนาคต realme จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้ง 5G และ AIoT โดยนำเสนอภายใต้แบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ในชื่อ TechLife เพื่อตอบโจทย์ Smart Life ของผู้คนในปัจจุบันให้ครอบคลุมมากขึ้น
โดยในปี 2565 realme วางแผนจะเปิดตัวสมาร์ตโฟนระบบ 5G ให้ได้มากกว่า 30 รุ่น คิดเป็น 70% ของสัดส่วนสมาร์ตโฟนทั้งหมด และในอีก 2 ปีข้างหน้า realme จะลงทุน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก สำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 5G เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างเต็มตัว
realme จะยังคงเดินหน้าทำตลาด AIOT ตามกลยุทธ์หลักของแบรนด์ นั่นคือ 1+5+T เพื่อมุ่งหวังที่จะสร้าง realme Ecosystem ให้เกิดขึ้นอยู่รอบตัวผู้บริโภค
- 1 แทน สมาร์ตโฟนที่จะเป็นศูนย์กลางการควบคุม Ecosystem ทั้งหมด
- 5 แทนหมวดหมู่หลักของอุปกรณ์ AIoT ทั้งหมด ได้แก่ 1. อุปกรณ์หูฟังไร้สาย 2. อุปกรณ์สวมใส่ 3. โทรทัศน์ 4. แท็บเล็ต และ 5. แล็ปท็อป
- T ย่อมาจากแบนด์ TechLife ซึ่งทั้งหมดนี้จะมี realme Link แอปพลิเคชันเชื่อมต่อกัน และสร้างเป็น AIoT ecosystem เพื่อให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ realme สามารถใช้งานร่วมได้อย่างเต็มรูปแบบ
“สำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน realme ถือเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 5 ของประเทศ และด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เตรียมเปิดตัวในปีหน้านี้ เราตั้งเป้าที่จะขึ้นไปอยู่ในอันดับ 3 ให้ได้ และเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า จะยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มผู้ใช้งานของเราเป็นอย่างดีเช่นเคย” นายศิรศร เบญจาธิกุล กล่าวสรุป