vivo เปิดตัว Y200 5G มือถือในราคาเริ่มต้น 9,999 บาท และ vivo Watch 3 นาฬิกาอัจฉริยะ
vivo Y200 5G ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกสถานการณ์การใช้งานที่ท้าทายด้วยจุดขายด้านความแข็งแกร่งและฟีเจอร์จัดเต็มเกินราคา ผ่านการทดสอบด้านคุณภาพอุปกรณ์อย่างเข้มงวดเพื่อการันตีการใช้งานลื่นไหลยาวนานและป้องกันทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันในชีวิตประจำวัน ไร้กังวลแม้ต้องสัมผัสละอองฝน ทำเครื่องหล่น หรือน้ำหกใส่โดยไม่ได้ตั้งใจด้วยตัวเครื่องที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงเสริมด้วยมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP64 ใช้งานได้เต็มที่ตลอดทั้งวันด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ผสานเทคโนโลยีชาร์จไว 80W FlashCharge ที่สามารถชาร์จถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที ทำให้ไม่ว่าจะไลฟ์สไตล์แบบไหนก็พร้อมลุยได้ทุกกิจกรรม
นอกจากนี้ vivo ยังจัดเต็มเทคโนโลยีระดับแนวหน้าในทุกฮาร์ดแวร์และการออกแบบฟีเจอร์ ตั้งแต่ชิปเซ็ตประมวลผล Snapdragon 4 Gen 2 เสริมด้วย 2 ตัวเลือกความจุ 8GB+256GB และ 12GB+512GB ช่วยบูสต์การทำงานให้ลื่นไหล สลับแอปได้ไม่สะดุด เพลิดเพลินกับการเล่นเกมและรับชมทุกคอนเทนต์ด้วยจอแสดงผล FHD+ AMOLED รีเฟรชเรท 120Hz และระบบภาพคุณภาพสูง พร้อมลำโพงสเตอริโอคู่ เพิ่มพลังเสียงได้สูงสุด 300% ให้ผู้ใช้งานสามารถดื่มด่ำกับเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ทุกรูปแบบ
กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 120 องศา มาพร้อมเทคโนโลยี AI Aura Light ที่ช่วยเติมและปรับอุณหภูมิแสงได้อัตโนมัติเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ภาพถ่ายที่สว่าง สวยงาม และคมชัดอย่างเป็นธรรมชาติแม้ในที่แสงน้อย พร้อมอัปเกรดฟีเจอร์อัจฉริยะต่าง ๆ อาทิ AI Photo Enhancement AI Erase และ Photo Borders
Y200 5G นำเสนอการออกแบบทันสมัยบนตัวเครื่องบางเฉียบ 7.79 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา จับถนัดมือ มาพร้อมโมดูลกล้องรูปแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพชรทรงสี่เหลี่ยม ผสานกับขอบตัวเครื่องแบบ Metallic High-Gloss ให้ความรู้สึกหรูหราแต่ยังคงความคลาสสิก เปิดตัวใน 3 ตัวเลือกสีใหม่ ได้แก่ สีไทเทเนียม ซิลเวอร์ (Titanium Silver), สีดรีมมี่ ไวโอเลต (Dreamy Violet) และสีไดนามิก แบล็ก (Dynamic Black) โดยในรุ่น 8GB+256GB ในราคา 9,999 บาท และ 12GB+512GB ในราคา 12,999 บาท
นอกจากสมาร์ตโฟนสุดแกร่งที่พร้อมท้าชนทุกสเปกแล้ว งานนี้ vivo ยังเปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ที่หลายคนรอคอยอย่างสมาร์ตวอตช์ vivo Watch 3 ให้ผู้ใช้งานชาวไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก โดยตัวเรือนผลิตด้วยวัสดุสแตนเลสคุณภาพสูง น้ำหนักเบาเพียง 36 กรัม มอบสัมผัสระดับไฮเอนด์ สวมใส่สบาย แต่ยังการันตีการทนน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร (5ATM) มาพร้อมหน้าจอ 3D Curved Glass ที่มีการรองรับ Full Always-on Display สามารถเลือกปรับแต่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธีม ภาพหน้าจอ หรือสีสันต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนอย่างราบรื่นผ่านแอปพลิเคชัน vivo health
vivo จัดเต็มฟีเจอร์ Watch 3 มาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานในชีวิตประจำวัน อาทิ การควบคุมเพลงบนสมาร์ตโฟน การโทรผ่านบลูทูธ และ Motion Gesture นอกจากนี้ยังมีระบบมอนิเตอร์สุขภาพและกิจกรรมแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับสายแอคทีฟ ไม่ว่าจะเป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความเครียด การนอนหลับ หรือระดับออกซิเจนในเลือด อีกทั้งยังมีโหมดออกกำลังกายให้เลือกหลากหลายมากกว่า 100 โหมดจากกีฬา 9 ประเภทเพื่อตรวจสอบและยกระดับประสิทธิภาพการทำกิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานทุกไลฟ์สไตล์
Watch 3 นำเสนอบน 2 ดีไซน์ทันสมัย ได้แก่ สีดำแอสเทียรอยด์ แบล็ก (Asteroid Black) พร้อมสายซิลิโคน มอบความรู้สึกเรียบง่ายเหมาะกับการใช้งานในทุก ๆ วัน และสีขาวมูนไลท์ ไวท์ (Moonlight White) ที่ให้ความรู้สึกเรียบหรูด้วยวัสดุหนังแบบคลาสสิก โดยสายนาฬิกาสามารถถอดเปลี่ยนได้เพื่อตอบโจทย์สไตล์ที่แตกต่าง
Watch 3 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำแอสเทียรอยด์ แบล็ก (Asteroid Black) ในราคา 6,499 บาท และสีขาวมูนไลท์ ไวท์ (Moonlight White) ในราคา 6,999 บาท