Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 13 Series รุ่น Pro+ กล้องหลัก 200MP
Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 13 Series พร้อมนาฬิกา Redmi Watch 4, หูฟัง Redmi Buds 5 Pro และ Redmi Buds 5
Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 มาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 108MP ซูมแบบไม่เสียคุณภาพในระดับ 3x, กล้องหน้า 16MP, แบตเตอรี่ 5,000mAh, จอแสดงผลขนาด 6.67” FHD+, ถาดซิมแบบไฮบริด (ซิม 1 + ซิมหรือการ์ด microSD ได้), ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
Redmi Note 13 ชิป Snapdragon 685 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Mint Green และ Ocean Sunset รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 6,999 บาท
Redmi Note 13 5G ชิป MediaTek Dimensity 6080 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Graphite Black, Ocean Teal และ Arctic White รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 7,999 บาท, รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 9,999 บาท
Redmi Note 13 Pro+ 5G ตัวท็อปที่สุดในซีรีส์นี้ มาพร้อมชิป MediaTek Dimensity 7200-Ultra, แรม 8+256GB กับ 12+512GB, หน้าจอ CrystalRes AMOLED 6.67 นิ้ว, กล้องหลัก 200MP, กล้องหน้า 16MP, แบตเตอรี่ 5,000mAh และระบบไฮเปอร์ชาร์จ 120W ชาร์จเต็ม 100% ในเวลา 19 นาที
Redmi Note 13 Pro+ 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Moonlight White และ Aurora Purple โดยรุ่นความจุ 8GB+256GB ราคา 13,990 บาท, Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 15,990 บาท
พิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 16 – 26 มกราคม 2567 รับฟรี! ประกันหน้าจอ 6 เดือน พร้อมอัปเกรดความจุเป็น 12GB+512GB และ Redmi Note 13 Series Giftbox รวมมูลค่าของสมนาคุณทั้งสิ้น 9,280 บาท
โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
ส่วน นาฬิกา Redmi Watch 4 หน้าจอแสดงผล AMOLED สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ 1.97 นิ้ว กรอบตรงกลางทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์ มีเม็ดมะยมสเตนเลสสตีลหมุนแบบ OTS มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ PPG 4 ช่อง ที่ได้รับการอัปเกรดเพื่อความแม่นยำที่ดีขึ้นเพื่อการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด, มีตัวเลือกในโหมดกีฬามากกว่า 150 โหมด มีตัวเลือกสายรัดข้อมือที่หาซื้อเพิ่มเติมได้อีก 3 สี คือ Pastel Purple, Dark Cyan และ Mint Green10
Redmi Watch 4 ราคา 3,690 บาท
หูฟัง Redmi Buds 5 Pro มาพร้อมเอียร์บัดที่รองรับ LDAC ตัวแปลงสัญญาณ Bluetooth สำหรับการเชื่อมต่อเอียร์บัดไร้สาย สามารถตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟสูงสุด 52dB (ANC) และมีตัวเลือกโหมด ANC 3 โหมด, โหมดการปรับ AI และโหมดการฟังเสียงภายนอก (Transparency mode) อีก 3 โหมด รองรับการฟังต่อเนื่องสูงสุด 10 ชั่วโมง และการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด 38 ชั่วโมง
มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Moonlight White และ Aurora Purple ราคา 2,690 บาท
หูฟัง Redmi Buds 5 มี ANC ที่สูงถึง 46dB พร้อมโหมด 3 โหมดที่ครอบคลุมการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง นอกจากนี้โหมดการฟังเสียงภายนอก (Transparency mode) 3 โหมด ช่วยให้ผู้ใช้สามารถได้ยินสิ่งที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้นและตัดเสียงรบกวนที่พวกเขาไม่ต้องการให้น้อยลง รองรับการฟังต่อเนื่องสูงสุด 10 ชั่วโมง และการใช้งานสูงสุด 40 ชั่วโมงเมื่อใช้คู่กับเคสชาร์จ
มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, White และ Sky Blue ราคา 1,590 บาท